การพัฒนามอเตอร์เวย์และทางหลวงเดินหน้าต่อแม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่ประเทศเจอปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้มีการล็อคดาวน์ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะการพัฒนามอเตอร์เวย์ที่จะเป็นเส้นทางหลักของอีอีซี
ปิยพงศ์ จิวัฒนกุลไพศาล ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายพัทยา–มาบตาพุด โดยระบุว่า ขณะนี้งานก่อสร้างคืบหน้า 99% ซึ่งกรมทางหลวงเตรียมเปิดทดลองให้บริการในปลายเดือน พ.ค.นี้ ก่อนเปิดบริการอย่างเป็นทางการเดือน ส.ค.2563
ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ-บ้านฉาง ช่วงพัทยามาบตาพุด นับเป็นเส้นทางที่สายหลักที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมทั้งในภาคธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยว ด้วยแนวเส้นทางที่เชื่อมโยงกับท่าเรือแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงการขนส่งทางรถไฟ และการขนส่งทางอากาศ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายโลจิสติกส์ของประเทศ
ขณะเดียวกันกรมทางหลวงยังมีแผนพัฒนาส่วนต่อขยายโครงข่ายมอเตอร์เวย์เชื่อมต่ออีอีซี ในโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เส้นทางแหลมฉบัง-ปราจีนบุรี–นครราชสีมา โดยปัจจุบันกรมทางหลวงได้ศึกษาและออกแบบแนวเส้นทางไปแล้วราว 50% และอยู่ระหว่างของบประมาณจัดสรรเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการศึกษาออกแบบแนวเส้นทางให้แล้วเสร็จ
“การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่อย่างไรก็ดีเข้าใจว่าขณะนี้เราอยู่ในช่วงของการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโควิด -19 ดังนั้น กรมทางหลวงในฐานะหน่วยงานก็เตรียมความพร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในทุกเรื่อง คงต้องรอฟังนโยบายอย่างชัดเจนก่อนว่าจะมีแนวทางอย่างไรในเรื่องของการลงทุน เบื้องต้นเชื่อว่าคงมีการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของการลงทุน”
รายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) ระบุว่า กรมทางหลวงมีแผนที่จะขยายโครงการมอเตอร์เวย์ เพื่อสนับสนุนการขนส่งอีอีซี และเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างภูมิภาค ด้วยโครงการมอเตอร์เวย์สายชลบุรี-หนองคาย ตอนชลบุรี (ท่าเรือแหลมฉบัง)-ปราจีนบุรี (ทางหลวงหมายเลข 359) ซึ่งปัจจุบันศึกษาจะพัฒนาในแนวเส้นทางแหลมฉบัง-ปราจีนบุรี–นครราชสีมา
โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ช่วงแหลมฉบัง-ปราจีนบุรี ระยะทางประมาณ 130-140 กิโลเมตร และระยะที่ 2 ช่วงปราจีนบุรี–นครราชสีมา
ขณะที่งบการก่อสร้างในส่วนของระยะที่ 1 ประเมินว่าจะต้องขัดใช้ราว 4 หมื่นล้านบาท สถานะโครงการปัจจุบันได้ดำเนินการออกแบบไปแล้วราว 50% หรือประมาณ 60-70 กิโลเมตร และกรมทางหลวงได้เสนอของบประมาณประจำปี 2564 เพื่อใช้ออกแบบเพิ่มเติม แต่เบื้องต้นทราบว่าไม่ได้รับการพิจารณาจจัดสรรงบดังกล่าว ส่งผลให้โครงการมอเตอร์เวย์แหลมฉบัง-ปราจีนบุรี–นครราชสีมา อาจชะลอไปก่อน
ทั้งนี้ หากโครงการสามารถพัฒนาได้ครบทั้ง 2 ระยะ โดยกรมทางหลวงมั่นใจว่าจะเป็นมอเตอร์เวย์เส้นสำคัญของประเทศ สนับสนุนการขนส่งสินค้า เป็นประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทำให้การเดินทางเชื่อมโยงระยะอีสานและภาคตะวันออกใช้เวลาลดลงจาก 5.30 ชั่วโมง เหลือ 3.30 ชั่วโมง
ที่มา : bangkokbiznews.com