‘แจ้งวัฒนะ-แบริ่ง-ม.เศรษฐกิจ’ 3 จุดตายน้ำท่วมแน่ ๆ

หน้าฝนปีนี้ กทม.เป็นห่วง 3จุดอ่อน แจ้งวัฒนะ-แบริ่ง-หมู่บ้านเศรษฐกิจ ผู้ว่าฯสั่งระดมทุกสรรพกำลังรับมือ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อัศวิน  ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมหัวหน้าหน่วยงานครั้งที่ 6 ว่า สำนักการระบายน้ำ (สนน.) ได้รายงานการเตรียมพร้อม เพื่อรับมือการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์อากาศ ตั้งแต่วันนี้ถึงสัปดาห์หน้าจะมีฝนตกร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ซึ่งเชื่อมั่นว่า กทม.น่าจะสามารถรับมือได้ไม่มีปัญหา แต่อาจจะมีบางจุดที่น่าเป็นห่วง ต้องใช้ระยะเวลาในการระบายน้ำขณะนี้มี 3 จุดคือ จุดแรกคือบริเวณรอยต่อช่วงแบริ่ง-สำโรง เนื่องจากเป็นจุดลุ่มต่ำประสบปัญหาทุกปี และยังก่อสร้างระบบท่อลอด (pipejacking) ไม่แล้วเสร็จ จุดที่ 2 คือหมู่บ้านเศรษฐกิจ ที่เป็นจุดลุ่มต่ำเช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากประชาชนในจุดนี้ ไม่ต้องการให้ กทม. สร้าง เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาการจราจร ซึ่ง กทม.จะพยายามเจรจาเพื่อก่อสร้างโครงการดังกล่าว และ อีกหนึ่งจุดคือ บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ที่มีปัญหาเรื่องถนนต่ำ ซึ่งอยู่หว่างการปรับปรุงระบบใน 3 จุดนี้ จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้มากที่สุดเพื่อดึงน้ำออกจากพื้นที่ 

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ได้เตรียมความพร้อมในส่วนต่างๆ อาทิ การติดตั้งเรือผลักดันน้ำการขุดลอกคูคลอง ลอกท่อระบายน้ำเก็บผักตบชวาเพื่อเปิดทางน้ำไหล ซ่อมบำรุงเครื่องสูบน้ำตามสถานีสูบน้ำและบ่อสูบซ่อมเครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ทั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์ดีเซล 800 เครื่องพร้อมสำรองไว้อีกรวมทั้งเตรียมความพร้อมหน่วยเบสท์ 108 หน่วยเจ้าหน้าที่กว่า 700 คน จัดเตรียมกระสอบทรายรถเครื่องกำเนิดไฟฟ้าติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อเติมในพื้นที่เฝ้าระวังหรือจุดอ่อนน้ำท่วม

อย่างไรก็ตาม กทม. มีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำด้วยวิธีดันท่อลอด เพื่อขยายและวางท่อระบายน้ำเพิ่มเติมในพื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วมขัง ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จแล้วประมาณ 4 โครงการฯ นอกจากนี้ กทม.ยังมีโครงการก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน หรือ ธนาคารน้ำ (WaterBank) จำนวน 5 แห่ง ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว 1 แห่งคือที่บริเวณ สน.บางเขน และจะก่อสร้างแล้วเสร็จเร็วๆนี้อีก 2-3 แห่ง เมื่อมีระบบบ่อหน่วงน้ำและทำท่อลอดดึงน้ำเชื่อมโยงกันได้มากขึ้น เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา: Dailynews

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here