‘ไมโครซอฟท์’ เปิดฉาก ‘Ignite 2025’ ขนทัพนวัตกรรม AI ปลดล็อกองค์กรสู่ ‘Frontier Firms’

KEY POINTS

  • “ไมโครซอฟท์” คิกออฟงานอีเวนต์ใหญ่ “Ignite 2025” เปิดตัวนวัตกรรม AI เพื่อผลักดันองค์กรต่างๆ ให้ก้าวสู่การเป็น “Frontier Firms”
  • ฟีเจอร์ “Work IQ” อีกหนึ่งไฮไลต์ที่จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพให้ Microsoft 365 Copilot และ AI agent
  • นำเสนอ “Fabric IQ” และ “Foundry IQ” โซลูชันที่ช่วยให้ AI agent สามารถเชื่อมโยงข้อมูลดิบเข้ากับความต้องการทางธุรกิจ ทำให้การตัดสินใจในองค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเรียลไทม์
  • ผลการศึกษาชี้ชัด ธุรกิจที่เปิดรับ AI จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ประสบการณ์ลูกค้า และการสร้างสรรค์นวัตกรรม
  • Frontier firms สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าผู้ที่เริ่มต้นช้าถึงสามเท่า

วันนี้เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางแล้วว่า AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานและการแก้ไขปัญหาไปอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ยังคงมักถูกมองว่าเป็นเพียงส่วนเสริม ไม่ใช่ส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนการทำงานให้กับมนุษย์ได้จริง

แฟรงค์ เอ็กซ์ ชอว์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสาร ไมโครซอฟท์ เปิดมุมมองว่า อันที่จริงไม่สามารถนำ AI มาเสริมลงในผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาเสร็จแล้วได้

เพราะการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบและชาญฉลาด ต้องพิจารณานำมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทุกระดับ ตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลที่เป็นรากฐานสำคัญต่อการทำงานของ AI ไปจนถึงบุคคลและองค์กรที่ได้รับประโยชน์จากความสามารถของเทคโนโลยี

สำหรับ ไมโครซอฟท์ ปีนี้งานอีเวนต์ใหญ่ประจำปี “Microsoft Ignite 2025” มุ่งเสริมศักยภาพการใช้งาน AI อย่างครบวงจร ด้วยการพัฒนาเครื่องมือและโซลูชันที่ขับเคลื่อนการพลิกโฉมทุกองค์กรและการทำงานทุกระดับไปสู่ดิจิทัล

ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งผลักดันให้องค์กรต่างๆ ยกระดับไปสู่ “Frontier firms” หรือองค์กรที่เป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่ AI โดยใช้ AI ปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเปิดทางไปสู่แนวคิดที่จะพลิกโฉมในอนาคต

‘Frontier firms’ ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้

การศึกษาโดย ไอดีซี – ไมโครซอฟท์ พบว่า Frontier firms สามารถพลิกโฉมธุรกิจด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นการขยายศักยภาพของ AI ในทุกฟังก์ชันธุรกิจ โดยเฉลี่ยแล้ว Frontier firms ใช้ AI ในฟังก์ชันทางธุรกิจถึงเจ็ดส่วนงาน

ที่น่าสนใจ Frontier firms ถึง 67% สามารถสร้างรายได้จากการใช้ AI ที่ปรับตามความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม ช่วยสร้างคุณค่าให้องค์กรและเพิ่มรายได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีภาคบริการทางการเงิน การดูแลสุขภาพ และการผลิต เป็นผู้นำในเทรนด์นี้

ขณะที่ 58% ของ Frontier firms ในปัจจุบันกำลังใช้โซลูชัน AI แบบปรับแต่งได้เอง เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และไอดีซีประมาณการว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 77% ในอีก 24 เดือนข้างหน้า

ที่น่าจับตามอง Agentic AI คือจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับผู้นำธุรกิจในอีกสองปีข้างหน้า ไอดีซี ประมาณการว่าจำนวนบริษัทที่ใช้ Agentic AI จะเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว

โดยภาพรวมพบด้วยว่า ธุรกิจ 71% วางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณด้าน AI ในองค์กร

ธุรกิจที่เปิดรับ AI จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล ทั้งในด้านประสิทธิภาพที่เพิ่มสูงขึ้น ประสบการณ์ลูกค้าที่ดีกว่าเดิม และการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ

ดังนั้น เพื่อให้ยังคงสามารถแข่งขันได้ ผู้นำองค์กรจึงควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ในการพิจารณานำ AI มาใช้มากกว่าแค่ทดลอง โดยวางเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน

ที่มา<<<https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1208253

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here