- กทพ. วางแผนลงทุน 11 โครงการทางพิเศษทั่วประเทศ รวมมูลค่ากว่า 2.7 แสนล้านบาท เพื่อขยายโครงข่ายทางด่วนเพิ่มประมาณ 170 กิโลเมตร
- โครงการสำคัญในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ ทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง, ส่วนต่อขยายฉลองรัช (จตุโชติ-ลำลูกกา) และทางด่วนเชื่อมต่อทิศตะวันออก-ตะวันตก
- เร่งผลักดันโครงการในต่างจังหวัด เตรียมเสนอ ครม. อนุมัติทางด่วนภูเก็ต ระยะที่ 2 (เมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้) และกำลังศึกษาความเหมาะสมของทางด่วนเชื่อมเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงแผนลงทุนพัฒนาทางพิเศษ โดยระบุว่า ขณะนี้ กทพ.มีแผนลงทุนโครงการทางพิเศษรวม 11 สายทาง รวมวงเงินลงทุน 273,291 ล้านบาท เพื่อขยายโครงข่ายให้บริการเพิ่มเติมประมาณ 170 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการก่อสร้าง และอยู่ระหว่างเตรียมเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)
อย่างไรก็ดี กทพ.ประเมินโครงการที่มีความพร้อมเตรียมนำเสนอ ครม.ชุดใหม่ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นคือ โครงการทางพิเศษเชื่อมต่อทิศตะวันออกกับตะวันตก ของกรุงเทพฯ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรบนถนนงามวงศ์วาน และถนนประเสริฐมนูกิจ ในส่วนของสายฉลองรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออก หรือ N2 เดิม ซึ่งมีระยะทาง 6.67 กิโลเมตร วงเงิน 13,666 ล้านบาท สถานะปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอ ครม.
เตรียมเสนอ ครม.ใหม่ด่วนพิเศษภูเก็ต
นอกจากนี้ยังมีโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่ – เกาะแก้ว – กะทู้ ระยะทาง 30.62 กิโลเมตร วงเงิน 46,752 ล้านบาท ที่จะเตรียมนำเสนอขออนุมัติจาก ครม. เพื่อก่อสร้าง พร้อมกับขออนุมัติดำเนินเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) พร้อมจัดเก็บรายได้ค่าผ่านทางตลอดแนวเส้นทางครอบคลุมทางพิเศษ ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ – ป่าตอง และระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่ – เกาะแก้ว – กะทู้ ซึ่งสถานะปัจจุบันเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคมขออนุมัติในเดือน ก.ย.นี้ ก่อนเสนอ ครม.ต่อไป
“ปัจจุบันทางด่วนภูเก็ต ระยะที่ 1 ได้ผ่านการอนุมัติจาก ครม.แล้ว ซึ่งการทางพิเศษฯ อยู่ระหว่างคัดเลือกผู้ควบคุมงาน และผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการ ส่วนโครงการระยะที่ 2 ก็คาดว่าจะสามารถเสนอ ครม.ชุดใหม่ได้ ทำให้โครงการทางด่วนสายนี้ คาดว่าจะเปิดให้บริการทั้งระบบไม่เกินต้นปี 2573”
เปิดโครงการระหว่างก่อสร้างคืบ 90%
นอกจากนี้ กทพ.ยังมีแผนพัฒนาทางพิเศษสายทางอื่นๆ แบ่งเป็น โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่ โครงการทางด่วน สายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ระยะทาง 18.70 กิโลเมตร วงเงิน 31,244 ล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้าก่อสร้าง 91.02% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการโดยไม่เก็บค่าผ่านทางปลายปี 2568 เช่นเดียวกับโครงการทางด่วน สายฉลองรัช ส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ – ลำลูกกา ระยะทาง 16.21 กิโลเมตร วงเงิน 24,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้าก่อสร้าง 0.66% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการกลางปี 2571
ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างขออนุมัติดำเนินงาน นอกจากโครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออก และทางพิเศษจังหวัดภูเก็ตที่มีความพร้อมดำเนินการมากที่สุดแล้ว กทพ.ยังอยู่ระหว่างเร่งผลักดันโครงการอื่นๆ ประกอบด้วย โครงการทางด่วนยกระดับชั้นที่ 2 ช่วงงามวงศ์วาน – พระราม 9 ระยะทาง 20.09 กิโลเมตร วงเงิน 34,800 ล้านบาท สถานะปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการ PPP เพื่อขอความเห็นชอบการแก้ไขสัญญาตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562
รอชัดเจนแผนพัฒนาท่าเรือคลองเตย
อีกทั้งยังมีโครงการทางด่วนสายศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 15.80 กิโลเมตร วงเงิน 20,538 ล้านบาท ซึ่ง กทพ.เตรียมเสนอขออนุมัติโครงการต่อกระทรวงคมนาคม และโครงการทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพ และทางด่วนสายบางนา – อาจณรงค์ (S1) ระยะทาง 2.25 กิโลเมตร วงเงิน 4,984 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของแผนพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ พร้อมทั้งหารือเรื่องสัดส่วนการลงทุนและเดินหน้าโครงการต่อได้ทันที
ขณะที่โครงการอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม ประกอบด้วย โครงการทางด่วนเชื่อมเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะทาง 37.41 กิโลเมตร วงเงินลงทุนราว 55,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 2569 นอกจากนี้ยังมีโครงการทางด่วนเชื่อมเกาะช้าง จังหวัดตราด ระยะทาง 6 กิโลเมตร วงเงิน 15,000 ล้านบาท ปัจจุบันกำลังศึกษาความเหมาะสม คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2569
ลุยแผนการทางพิเศษอัจฉริยะ
ส่วนโครงการทางด่วนสายศรีรัช – ฉลองรัช หรือ N1 เดิม ซึ่งมีแนวเส้นทางผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระยะทาง 12.6 กิโลเมตร วงเงิน 10,550 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างทบทวนการศึกษาความเหมาะสมโครงการ โดย กทพ.จะหารือร่วมกับกรมทางหลวง และกรุงเทพมหานคร เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาจราจร โดยแนวเส้นทางบริเวณหน้า ม.เกษตรฯ อาจจะปรับปรุงใช้ถนนระดับดิน จัดสรรช่องจราจรใหม่เป็นช่องทางพิเศษสำหรับผู้ใช้บริการทางพิเศษ ทดแทนการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด หรือทางยกระดับผ่านพื้นที่นั้น
ทั้งนี้ นอกจากแผนพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษแล้ว กทพ. ยังเดินหน้าแผน 53 ปี ทางพิเศษอัจฉริยะ จุดประกายชีวิตใหม่ โดยประกาศนโยบายพัฒนาบริการด้วยดิจิทัลและนวัตกรรม ดึงระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ (Intelligent Transportation System – ITS) มาให้บริการ และเตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาทางพิเศษเพื่อรองรับเทคโนโลยียานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (CAV) ทั้งด้านการเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิทัล เช่น ระบบสื่อสารแบบ V2X (Vehicle-to Everything) และการจัดทำแผนที่ดิจิทัลความละเอียดสูง (HD Map) คาดว่าจะเริ่มทดสอบจริงบนทางพิเศษภายในปี 2569
ที่มา<<<https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1199058